กิติกรรมประกาศ
งานวิจัย
ศึกษาปัญหาและความต้องการในการพัฒนาการวิจัยสถาบัน ของผู้บริหารสถานศึกษา
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1 นี้ เป็นรายงาน
ความสนใจในการวิจัยสถาบันวัตถุประสงค์ และ เหตุผลในการทำวิจัยสถาบัน
ปัญหาและความต้องการในการพัฒนาการวิจัยสถาบัน รูปแบบในการพัฒนา
และประโยชน์จากการวิจัยสถาบัน
ของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1
งานวิจัยฉบับนี้สำเร็จ
ลุล่วงได้เพราะความช่วยเหลือเป็นอย่างดีจาก
ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1 รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1 ทุกท่าน ที่ให้คำแนะนำปรึกษาในการทำวิจัยครั้งนี้
นอกจากนั้นยังได้รับความกรุณาช่วยเหลือเป็นอย่างดีจากนางสาวสมใจ สุริยกุล ศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1
นางบุญรวย ช่วยปลัด ศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 2 นางสาวปาจรีย์ ต้องหุ้ย ศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1 นายมนตรี ณ
นคร ศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1 นายอมร แก้วศรียงค์
ศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1 ที่ตรวจสอบเครื่องมือ
ขอขอบคุณคณะผู้เชี่ยวชาญอันประกอบด้วยนายวินัย
ทองรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1 ว่าที่ร้อยตรี นพดล
รักแก้ว รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1 นายนิสิต ชายภักตร์ รองผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1 นายอรรถพล ตรึกตรอง
รองผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1 นายสมพงษ์
แคนยุกต์ ผู้อำนวยการสถานศึกษาเชี่ยวชาญ โรงเรียนสภาราชินี ตรัง
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1 ที่ได้กรุณาประเมินความสอดคล้องของเครื่องมือ เพื่อใช้เป็นประโยชน์ต่อวิจัย
ขอขอบคุณผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง
เขต 1 ทุกท่านที่ได้ตอบแบบสอบถาม และทดลองใช้แบบสอบถาม
คุณค่าและประโยชน์อันพึงมีจากรายงานการวิจัยครั้งนี้
ขอมอบเป็นเครื่องบูชาพระคุณบูรพาจารย์ บิดามารดาและผู้มีพระคุณทุก ๆ ท่าน
(นายเสวก วงษ์เจริญผล)
รายงานการวิจัย : ศึกษาปัญหาและความต้องการในการพัฒนาการวิจัยสถาบัน
ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1
ลักษณะผลงาน : การวิจัยการปฏิบัติงานในหน้าที่
ผู้วิจัย : นายเสวก วงษ์เจริญผล ศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1 จังหวัดตรัง
ปีพุทธศักราช : 2551
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์
1)เพื่อศึกษาความสนใจในการทำวิจัยสถาบันของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต
1 2) เพื่อศึกษาระดับปัญหาในการวิจัยสถาบันของผู้บริหารสถานศึกษา
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1 3) เพื่อศึกษาระดับความต้องการในการพัฒนา การวิจัยสถาบัน
ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาตรัง เขต 1 4)
เพื่อเปรียบเทียบปัญหาในการทำวิจัยสถาบันของผู้บริหารสถานศึกษา
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1 ที่มีวุฒิการศึกษา
ประสบการณ์ในการบริหาร ขนาดของสถานศึกษา การศึกษาเกี่ยวกับสถิติการวิจัยสถาบัน
การอบรมการทำวิจัยสถาบัน ประสบการณ์ในการทำวิจัยสถาบัน 5) เพื่อเปรียบเทียบความต้องการในการพัฒนาการทำวิจัยสถาบันของผู้บริหารสถานศึกษา
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง
เขต 1 ที่มีวุฒิการศึกษา ประสบการณ์ในการบริหาร
ขนาดของสถานศึกษาการศึกษาเกี่ยวกับสถิติการวิจัยสถาบัน การฝึกอบรมการทำวิจัยสถาบัน
ประสบการณ์ในการทำวิจัยสถาบัน 6) เพื่อศึกษารูปแบบการพัฒนาเกี่ยวกับการวิจัยสถาบันของผู้บริหารสถานศึกษา
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1
7) เพื่อศึกษาประโยชน์ของการวิจัยสถาบันตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรังเขต 1 โดยใช้การวิจัยเชิงสำรวจ กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1 จำนวน 112 คน
เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ
หาค่าความสอดคล้องของแบบสอบถาม หาร้อยละ
ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน หาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ การทดสอบค่าที
และค่าเอฟ ผลการวิจัยพบว่า
1.
ผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานพื้นการศึกษาตรัง
เขต 1 ส่วนใหญ่มีความสนใจในการทำวิจัยสถาบัน โดยมีความสนใจในการทำวิจัยสถาบัน
กลุ่มบริหารงานวิชาการ กลุ่มบริหารงานบุคคล กลุ่มงานบริหารทั่วไป และ
กลุ่มบริหารงานงบประมาณ โดยมีวัตถุประสงค์นำผลการวิจัยสถาบันไปใช้
เพื่อการบริหารสถานศึกษา เพื่อแก้ปัญหาต่าง
ๆ ในโรงเรียน เพื่อเพิ่มความรู้และประสบการณ์ เพื่อใช้ในการเลื่อนตำแหน่งทางวิชาการ
ผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1 มีเหตุผลในการทำวิจัยสถาบัน เพื่อแกปัญหาต่างๆในโรงเรียน
เพื่อแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ และเพื่อปรับปรุง การเรียนการสอน
2.
ผู้บริหารสถานศึกษา
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1 มีปัญหาการวิจัยสถาบันโดยรวม
อยู่ในระดับปานกลาง
ระดับปัญหาจากค่าเฉลี่ยมากไปหาน้อย คือด้านความรู้ ด้านแหล่งวิชาการ และ
ด้านการสนับสนุน ด้านที่มีระดับปัญหาน้อยที่สุด ด้านวัสดุอุปกรณ์ วุฒิการศึกษา ประสบการณ์ในการบริหาร ขนาดของสถานศึกษา
การศึกษาเกี่ยวกับสถิติการวิจัยสถาบัน การอบรมการทำวิจัยสถาบัน
ประสบการณ์ในการทำวิจัยสถาบันส่งผลต่อปัญหาด้านความรู้ ด้านแหล่งวิชาการ ด้านการสนับสนุน ในการทำวิจัยสถาบัน
3.
ผู้บริหารสถานศึกษา
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1
มีความต้องการในการพัฒนาการวิจัยสถาบันโดยรวมอยู่ในระดับมาก
ระดับความต้องการในการพัฒนาจากมากไปคือ ด้านแหล่งวิชาการ ด้านความรู้
และด้านการสนับสนุน ด้านที่มีระดับความต้องการในการพัฒนาน้อยที่สุด
คือ ด้านเวลา วุฒิการศึกษา ประสบการณ์ในการบริหาร
ขนาดของสถานศึกษา การศึกษาเกี่ยวกับสถิติการวิจัยสถาบัน
การอบรมการทำวิจัยสถาบัน ประสบการณ์ในการทำวิจัยสถาบัน ส่งผลต่อความต้องการในการพัฒนาการวิจัยสถาบันในด้านความรู้
ด้านแหล่งวิชาการ
ด้านการสนับสนุน
ในการทำวิจัยสถาบัน
4.
การเปรียบเทียบระดับปัญหาในการทำวิจัยสถาบันของผู้บริหารสถานศึกษา
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1 พบว่า 1) ผู้บริหารสถานศึกษาที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรี
และสูงกว่าปริญญาตรี โดยรวมและรายด้านส่วนใหญ่ ไม่แตกต่างกัน ยกเว้นปัญหาด้านวัสดุอุปกรณ์ ที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.05 2) ผู้บริหารสถานศึกษาที่มีประสบการณ์ในการบริหาร สถานศึกษา ต่างกัน มีระดับปัญหาโดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน 3) ผู้บริหารสถานศึกษาที่บริหารสถานศึกษาที่มีขนาดต่างกันมีปัญหาโดยรวมและรายด้านส่วนใหญ่
แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
ยกเว้น ด้านความรู้ และด้านเวลา ไม่แตกต่างกัน
5.
การเปรียบเทียบระดับความต้องการในการพัฒนาการทำวิจัยสถาบันของผู้บริหารสถานศึกษา
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1 พบว่า 1) ผู้บริหารสถานศึกษาที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรี และสูงกว่าปริญญาตรี
โดยรวมและรายด้านมีความต้องการในการพัฒนาการวิจัยสถาบันไม่แตกต่างกัน
2) ผู้บริหารสถานศึกษา ที่มีประสบการณ์ในการบริหารสถานศึกษาต่างกัน โดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน
3) ผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1 ที่บริหารสถานศึกษาที่มีขนาดต่างกันมีระดับความต้องการในการพัฒนาการวิจัยสถาบันโดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.05 และรายด้านส่วนใหญ่ไม่แตกต่างกัน ยกเว้น
ด้านวัสดุอุปกรณ์ และด้านเวลา แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
6.
รูปแบบการพัฒนาเกี่ยวกับการวิจัยสถาบันของผู้บริหารสถานศึกษา
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1 พบว่า
ผู้บริหารสถานศึกษามีความต้องการในการพัฒนาและรูปแบบการพัฒนาตามลำดับจากมากไปหาน้อย
คือ จัดหาวิทยากรที่มีความรูความสามารถในการพัฒนาและจัดทำนวัตกรรมมาให้ความรูและทดลองปฏิบัติจริง ฝึกการเขียนรายงานการวิจัยสถาบัน ฝึกวางแผนและขั้นตอนการดำเนินงาน
การวิจัยสถาบันในแต่ละขั้นตอน แนะนำวิธีการศึกษาเอกสารและทฤษฎีและงานวิจัยสถาบันที่เกี่ยวข้อง
ฝึกวิเคราะห์ข้อมูลที่ใช้ค่าสถิติหลากหลายรูปแบบ ทัศนศึกษาดูงานของสถานศึกษาที่ประสบความสำเร็จในการจัดทำวิจัยสถาบัน ฝึกวิเคราะห์ปัญหาในรูปแบบที่แตกต่างกันไป
จัดหาเอกสารเสริมความรูและงานวิจัยสถาบันต่างๆมาให้บริการเพื่อสะดวกต่อการค้นคว้า จัดประชุม/สัมมนาเชิงปฏิบัติจริงในระดับกลุ่มสถานศึกษา
จัดทำใบงานหรือสถานการณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับวิจัยสถาบันนำมาใช้ฝึกทดลอง/ปฏิบัติจริงตามเงื่อนไขต่างๆ
จัดประชุม/สัมมนาเชิงปฏิบัติจริงในระดับสำนักงานเขตพื้นที่
จัดประชุม/สัมมนาเชิงปฏิบัติจริงในระดับสถานศึกษา
7.
ประโยชน์ของการวิจัยสถาบัน 1)
ผู้บริหารสถานศึกษามีความคิดเห็นว่า การวิจัยสถาบันมีประโยชน์ต่อการแก้ ปัญหาของสถานศึกษาในหลาย ๆ ประการด้วยกัน
โดยความคิดเห็นที่มีความถี่สูงใน 5ลำดับแรก
ได้แก่ สามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ในสถานศึกษาได้ตรงจุด การพัฒนาสถานศึกษาให้ขับเคลื่อนโดยรูปแบบวิชาการบนพื้นฐานการวิจัย
เป็นข้อมูลในการแก้ปัญหาด้านต่าง ๆ ของสถานศึกษา พัฒนาการบริหารสถานศึกษาทั้งระบบ ทราบปัญหาที่เกิดขึ้นในสถานศึกษา
ชุมชนมีความภาคภูมิใจในการจัดการเรียนการสอนของครู 2) ผู้บริหารสถานศึกษามีความคิดเห็นว่า
การวิจัยสถาบันมีประโยชน์ต่อตัวผู้บริหารสถานศึกษาในหลาย ๆ ประการ
โดยความคิดเห็นที่มีความถี่สูงใน 5 ลำดับแรก ได้แก่
ได้พัฒนาตนเองในวิชาชีพและวิทยฐานะ ใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนการจัดการศึกษา
ผู้บริหารได้รับการพัฒนาและพัฒนาตนเองในด้านการบริหาร มีหลักการ ทฤษฎี
ในการบริหาร
เป็นผู้นำด้านวิชาการและเป็นที่พึ่งแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา
สามารถกำหนดทิศทางในการบริหารได้ถูกทางใช้ในการเลื่อนวิทยฐานะ
เป็นข้อมูลในการพัฒนาและปรับปรุงสถานศึกษาทั้ง 4 งาน
ทำวิจัยเป็นและแก้ปัญหาได้
ใช้เป็นเครื่องมือ ในการบริหารจัดการ 3 ) ผู้บริหารสถานศึกษามีความคิดเห็นว่า
การวิจัยสถาบันมีประโยชน์ต่อครู ในหลาย ๆ ประการ โดยความคิดเห็นที่มีความถี่สูงใน 5 ลำดับแรก ได้แก่ แก้ปัญหาการจัด
การเรียนการสอน พัฒนาการเรียนการสอน ครูมีส่วนร่วมในการพัฒนาการศึกษา
ใช้ในการเลื่อนวิทยฐานะ
ใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอน ปรับปรุงการเรียนการสอน
เป็นครูมืออาชีพ พัฒนาตนในวิชาชีพครู มีขวัญกำลังใจในการทำงาน 4) ผู้บริหารสถานศึกษามีความคิดเห็นว่า การวิจัยสถาบันมีประโยชน์ต่อนักเรียน ในหลาย ๆ ประการ
โดยความคิดเห็นที่มีความถี่สูงใน 5 ลำดับแรก ได้แก่
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น ผู้เรียนมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ที่สูงขึ้น นักเรียนมีความสุขในการเรียน นักเรียนมีคุณภาพตามมาตรฐาน
นักเรียนได้รับการพัฒนาตามมาตรฐานการศึกษา ได้รับการพัฒนาอย่างถูกทาง 5) ผู้บริหารสถานศึกษามีความคิดเห็นว่า
การวิจัยสถาบันมีประโยชน์ต่อวิชาชีพ
ในหลาย ๆ ประการ โดยความคิดเห็นที่มีความถี่สูงใน 5 ลำดับแรก
ได้แก่ ครู ผู้บริหารมีความก้าวหน้าในวิชาชีพ
ที่เหมาะสมกับความรู้ความสามารถและวิทยฐานะ
เพิ่มวิทยฐานะของบุคลากรวิชาชีพได้รับการพัฒนาเน้นการพัฒนาวิชาชีพให้ได้มาตรฐาน
เป็นวิชาชีพที่เป็นที่ยอมรับของสังคม มีหลักฐานที่จะเสนอเป็นผลงานทางวิชาการ
ประโยชน์ในการขอใบประกอบวิชาชีพ
|
|||
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น